โรคกิ่งแห้งในทุเรียนเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับเกษตรกรชาวสวนทุเรียน การตรวจหาโรคด้วยวิธีการดั้งเดิมทำได้ยากและใช้เวลานาน ทำให้การจัดการโรคไม่ทันท่วงที ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โครงการฯ จึงได้นำเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการตรวจจับโรคจากภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถรับมือกับโรคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โปรแกรมตรวจจับโรคกิ่งแห้งในทุเรียนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการการใช้อากาศยานไร้คนขับเพื่อการบริหารจัดการโรคของทุเรียนในพื้นที่จังหวัดชุมพรอย่างยั่งยืน ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566-2568 โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.), สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA), และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยแต่ละหน่วยงานได้นำความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาร่วมพัฒนาโปรแกรมนี้ให้มีความสมบูรณ์และเป็นประโยชน์ต่อ เกษตรกรอย่างแท้จริง
Durian dieback disease is a significant issue that causes extensive damage to durian growers. Traditional disease detection methods are difficult, time-consuming, and often lead to delayed management, resulting in substantial economic losses. To address this challenge, our project utilizes Unmanned Aerial Vehicle (UAV) and Artificial Intelligence (AI) technology for aerial imagery-based disease detection, enabling farmers to respond to the disease quickly and more effectively. The durian disease detection program is part of the "Sustainable Durian Disease Management in Chumphon Province Using Unmanned Aerial Vehicles" project. The initiative is funded by the Thailand Science Research and Innovation (TSRI) from the fiscal year 2023 to 2025. This project is a strong collaboration between three key organizations: the Thailand Institute of Scientific and Technological Research (TISTR), the Geo-Informatics and Space Technology Development Agency (GISTDA), and Kasetsart University. Each agency has contributed its specific expertise to develop a comprehensive and practical program that is genuinely beneficial to farmers.
ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร คือศูนย์แห่งการบูรณาการระหว่างเทคโนโลยีชีวภาพ กับ วิทยาศาสตร์เกษตรของประเทศไทย ทำหน้าที่ยกระดับความสามารถของระบบเกษตรกรรมไทยให้ยั่งยืน แข่งขันได้
ลักษณะอาการ เริ่มแรกคือแผลสีน้ำตาลบนกิ่ง ใบเหลืองจากปลายใบและร่วงหล่น การระบาดมักรุนแรงในช่วงที่อากาศชื้น และอาจมีมอดแอมโบรเซียช่วยแพร่กระจายโรค ทำให้ท่อน้ำท่ออาหารเสียหาย ส่งผลให้กิ่งแห้ง ใบเหลืองร่วง และต้นโทรมจนถึงตาย
เมื่อพบอาการผิดปกติ ให้ตัดแต่งกิ่งหรือยอดที่เป็นโรคออก แล้วนำไปเผาทำลายแบบปิด เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อ
ปรับปรุงระบบการระบายน้ำในแปลง ไม่ให้น้ำขัง และตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่งเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี
หากโรคระบาดรุนแรง สามารถพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น กลุ่ม 3 (prochloraz, tebuconazole) หรือกลุ่ม 3+11 (difenoconazole+azoxystrobin)
ควบคุมและกำจัดมอดเจาะกิ่งหรือลำต้น เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค
4.1 ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา อัตรา เชื้อสด 1 กิโลกรัม ผสมรำละเอียด 4 กิโลกรัม และปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ 100 กิโลกรัม หว่านให้ทั่วในปริมาณ 50-100 กรัมต่อตารางเมตร หรือใช้เชื้อสด 1 กิโลกรัมผสมน้ำ 200 ลิตร แล้วพ่นทุก 3 เดือน
4.2 การใช้เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลิส โดยนำเข็มฉีดยาดูดสารละลายของเชื้อ อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 มิลลิลิตร ฉีดเข้าในโคนต้นทุเรียน ต้นละ 3 จุด 1 ครั้ง แล้วลอกเปลือกต้นทุเรียนบริเวณที่เป็นโรคออก ทาด้วยผงเชื้อ อัตรา 1,000 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร โดยจะต้องผสมสารจับใบ อัตรา 5 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร และรดดินบริเวณโคนต้นด้วยผงเชื้อ อัตรา 200 กรัมต่อน้ำ 2 ลิตรต่อต้น โดยลอกเปลือกและรดดินซ้ำ รวม 4 ครั้ง
4.3 การควบคุมแมลงที่เจาะทำลายกิ่ง ก้าน หรือลำต้น ไม่ให้แพร่กระจายโรคกิ่งแห้ง
สภาพอากาศที่มีความชื้นสูง โดยเฉพาะในช่วงฝนตกชุก เหมาะต่อการเจริญเติบโตและระบาดของเชื้อรา
มอดแอมโบรเซีย (หรือมอดเจาะลำต้น) มีบทบาทในการช่วยถ่ายทอดและแพร่กระจายเชื้อราฟิวซาเรียม ทำให้การระบาดรุนแรงขึ้น
เชื้อราเข้าทำลายท่อน้ำท่ออาหาร ทำให้ไม่สามารถลำเลียงน้ำและอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ ส่งผลให้ต้นทุเรียนทรุดโทรม หรือยืนต้นตาย